Professional Skepticism: What It Is and Why It Matters in Audit Quality

Professional Skepticism

Professional Skepticism คืออะไร และทำไมจึงสำคัญต่อคุณภาพงานสอบบัญชี

เผยแพร่เมื่อ • โดย A&A Office • 7 min read

ในยุคที่ธุรกิจซับซ้อนและความคาดหวังด้านความโปร่งใสสูงขึ้น Professional Skepticism คือทัศนคติหลักที่ทำให้ผู้สอบบัญชีรักษามาตรฐานคุณภาพ และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตามแนวของ TSA/ISA แนวคิดนี้ไม่ใช่ความ “ไม่ไว้วางใจ” แต่คือ การตั้งข้อสงสัยอย่างสร้างสรรค์ บนหลักการ หลักฐาน และเหตุผล

นิยามแบบเข้าใจง่าย

ลองนึกถึง “แว่นขยายของผู้สอบบัญชี” — Professional Skepticism คือการหยิบแว่นนั้นขึ้นมาใช้ทุกครั้งที่ตรวจสอบข้อมูล มองด้วยใจเปิดแต่ไม่ลืมตั้งคำถามว่า “สิ่งที่เห็นตรงกับข้อเท็จจริงจริงหรือไม่?”

Professional Skepticism = Questioning Mind + Critical Assessment of Evidence

(การสงสัยอย่างมืออาชีพ = การหมั่นตั้งคำถาม + การประเมินหลักฐานอย่างมีวิจารณญาณ)

Questioning Mind — การหมั่นตั้งคำถาม

ไม่รีบเชื่อในสิ่งที่เห็นหรือได้คำอธิบายมา แต่ถามว่า “มีหลักฐานไหม?” “หลักฐานนั้นน่าเชื่อถือแค่ไหน?”

Critical Assessment — การประเมินหลักฐานอย่างมีวิจารณญาณ

ตรวจสอบความสอดคล้องของข้อมูลจากหลายแหล่ง เปรียบเทียบกับประสบการณ์และความรู้ในวิชาชีพ

Reasonable Assurance — ความมั่นใจที่เพียงพอ

ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ทุกอย่างหมดจด แต่เพียงพอให้มั่นใจได้ว่า งบการเงินสะท้อนความจริงตามสาระสำคัญ

“การตั้งคำถามไม่ใช่การขัดแย้ง แต่คือการปกป้องความจริง — นี่คือหัวใจของผู้สอบบัญชีมืออาชีพ”

ทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญ (และสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ)

  • ป้องกันความผิดพลาดและทุจริต — ช่วยจับสัญญาณเตือน เช่น ยอดขายปลายปีสูงจนผิดปกติ สินค้าคงเหลือเกินจริง
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือของงบการเงิน — สร้างความไว้วางใจให้ผู้ลงทุน เจ้าหนี้ และหน่วยงานกำกับดูแล
  • หัวใจของ ISQM 1 — วัฒนธรรมคุณภาพต้องเริ่มจาก mindset ของคนทำงานในทุกระดับ

ตัวอย่างเชิงปฏิบัติ

Professional Skepticism ไม่ได้จำกัดแค่ “การตั้งคำถาม” แต่คือ “การตรวจสอบอย่างมีหลักฐาน” ต่อไปนี้คือสถานการณ์จริงที่ผู้สอบบัญชีต้องใช้การสงสัยอย่างมีเหตุผล (Questioning Mind) เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนเชิงสาระสำคัญ:

1. รายได้ (Revenue Recognition)

  • สถานการณ์: พบว่ายอดขายเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากค่าเฉลี่ยรายเดือน แต่ไม่มีการส่งของเพิ่มเติม
  • แนวทางปฏิบัติ: ขอหลักฐานใบส่งของ, ตรวจสอบวันที่รับรู้รายได้, และยืนยันกับลูกค้าปลายทางว่ามีการส่งมอบสินค้าจริง

2. สินค้าคงเหลือ (Inventory)

  • สถานการณ์: ลูกค้าระบุว่าสินค้าคงเหลือยังอยู่ครบ แต่มีอัตราการหมุนเวียนลดลงผิดปกติ
  • แนวทางปฏิบัติ: สังเกตการณ์นับของจริง (Observation), ตรวจสอบเอกสารรับเข้า–จ่ายออก, และเปรียบเทียบราคาทุนกับมูลค่าตลาดเพื่อดูว่ามีสินค้าล้าสมัยหรือไม่

3. ประมาณการทางบัญชี (Accounting Estimates)

  • สถานการณ์: บริษัทประเมินค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ทั้งที่ยอดลูกหนี้เพิ่มขึ้น
  • แนวทางปฏิบัติ: ตรวจสอบสมมติฐานที่ใช้ในการประเมิน, วิเคราะห์อัตราการเก็บเงินย้อนหลัง, และเปรียบเทียบกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน

4. สัญญาที่ซับซ้อน (Complex Contracts)

  • สถานการณ์: พบสัญญาที่มีส่วนลดพิเศษหรือสิทธิการคืนสินค้าที่ยังไม่บันทึก
  • แนวทางปฏิบัติ: อ่านสัญญาครบทุกหน้า, ตรวจสอบข้อกำหนดการส่งมอบและสิทธิในการยกเลิก, และประเมินผลกระทบต่อการรับรู้รายได้

การสงสัยเชิงมืออาชีพในแต่ละกรณีไม่ได้หมายถึงการไม่เชื่อใจลูกค้า แต่คือการ “ตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจ” ว่าข้อมูลในงบการเงินสะท้อนความจริงทางธุรกิจ และสอดคล้องกับหลักการของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน (TFRS)

จากทฤษฎีสู่ระบบคุณภาพของเรา

ในทุกกระบวนการดำเนินงานของ A&A แนวคิดนี้ถูกฝังอยู่ใน Quality Management Manual และยังกำหนดให้มีผู้สอบทานคุณภาพงาน (Engagement Quality Reviewer: EQR) และผู้ช่วยสอบทานงานเพื่อรับผิดชอบคุณภาพการตรวจสอบในงานที่มีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ เรายังจัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของเราอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีโอกาสได้ฝึกฝนการเริ่มต้นด้วยความสงสัยอย่างมีเหตุผลและบันทึกเหตุผลให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

แชร์: